“พลังของความรัก”
จะทำให้เราจับมือกันก้าวผ่านทุกอุปสรรค
และเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

“พลังของความรัก” จะทำให้เราจับมือกันก้าวผ่านทุกอุปสรรค
และเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

ทุกคนเชื่อในพลังแห่งความรักไหมคะ ความรักสามารถเปลี่ยนแปลงใครคนหนึ่งให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้ แต่ความรักไม่ได้มีเวทมนตร์พิเศษอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่ความรักเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ใครบางคน อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่าเดิมเพื่อใครอีก คน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองคู่ควรกับความรัก ความสัมพันธ์นั้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมความรักถึงทรงพลัง

ความรักยังมีพลังทำให้มนุษย์เราสามารถจับมือก้าวผ่านทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นจากกลไกลทางจิตวิทยา การสนับสนุนของคู่รัก และวัฒนธรรมในบริบทของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นคู่รักชายหญิง หรือคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ 

หากย้อนกลับไปในสมัยอดีต ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรักของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศนั้น อาจไม่ได้รับการยอมรับเหมือนในปัจจุบัน พวกเขาจะต้องเผชิญกับความกดดันจากครอบครัวและสังคม ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศอาจจะต้องจับมือกันเพื่อฟันฝ่าอุปสรรค พิสูจน์ความรัก เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากครอบครัว สังคม และคนรอบข้าง แต่หลังจากที่ได้มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเห็นได้ว่าสังคมไทยยอมรับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้นนั่นเองค่ะ 

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนย้อนคิดถึงพลังแห่งความรักที่จะช่วยทำให้เราสามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ ใครหลายคนพูดกันว่า ความรักสามารถชนะทุกสิ่ง ทุกคนว่าจริงไหมคะ รวมถึงเราจะพาทุกคนไปรู้จักคู่รักที่ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคและพิสูจน์ให้เห็นว่าความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็สามารถเป็นจริงได้เพียงแค่ไม่ยอมแพ้ค่ะ

the power of love

ความพิเศษของพลังแห่งรัก

หากถามว่าพลังของความรักทำไมถึงมีคุณค่าและทรงพลังสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นสามารถทำให้คนฟันฝ่าอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ในมุมของเราอาจจะไม่ได้มีทฤษฎีอะไรมากมาย จุดเริ่มต้นเราว่าต้องเริ่มต้นจากตัวเองก่อน อยากจะผลักดันและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อที่จะได้รู้สึกว่าคู่ควรกับความรักครั้งนี้ เพราะไม่มีใครเปลี่ยนแปลงตัวเราได้ นอกจากเราอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใช่ไหมล่ะคะ ต่อให้ใครพูดกับเราว่าให้เปลี่ยนตัวเอง ต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้ เราจะไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าใจเราไม่พร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่เราเชื่อว่าความพิเศษของความรัก คือการที่เราอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อตัวเราและเพื่อคนที่เรารัก เราจึงอยากทำให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น คู่ควรที่จะได้รับความรัก และถูกรักยังไม่มีเงื่อนไข ในที่นี้เราหมายถึงความรักของคู่รักทุกคู่ ไม่ว่าจะคู่รักชายหญิง หรือคู่รักของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศก็ตาม

ความรักจึงถือเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญในการที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น ให้เราต่อสู้กับความยากลำบาก กล้าที่จะยอมรับความเสี่ยง และอยากจะพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม 

อีกประการหนึ่งความรักทำให้เรามองเห็นมุมมองใหม่ๆ เสมอ เพราะเราเติบโตมันในครอบครัวและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน มุมมองความคิด ทัศนคติในการใช้ชีวิตอาจจะแตกต่างกันเช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เราอาจจะได้มองเห็นมุมมองที่แตกต่างออกไป เหมือนทำให้เราเปิดโลกใหม่ ซึ่งการได้เห็นมุมมองใหม่ๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้จากสิ่งนั้นเสมอ

ความรักทำให้เรามองโลกสดใสขึ้นและทำให้ความเครียดลดลง ทุกคนเชื่อไหมคะว่าความรักส่งผลต่อสภาพจิตใจของเราเป็นอย่างมาก มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Northwestern ของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ากลุ่มคู่รักที่เป็นเกย์และเลสเบี้ยน สามารถรับมือกับความเครียดและความกดดันจากสังคมได้ดีกว่าผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศแต่ไม่มีคู่รัก

และมีงานวิจัยอีกชิ้นของ John Bowlby จิตแพทย์ชาวอังกฤษ ได้กล่าวไว้ในหนังสือทฤษฎีความผูกพันหรือ Attachment (1969) ว่า “ความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้เรารับมือกับความเครียดได้ดีมากยิ่งขึ้น” เหมือนการที่เราได้รับเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งทั้งด้านจิตใจ ทำให้เรารับมือกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีนั่นเองค่ะ นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ที่ถูกเติมเต็มด้วยความรักและความมั่นคงส่งผลต่อสุขภาพจิตเป็นอย่างมากช่วยให้เราสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีมากยิ่งขึ้นและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วยค่ะ 

ซึ่งยังมีผลวิจัยอีกชิ้นของคุณ Gómez-López และคณะได้ระบุว่า ความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพสูง (high-quality romantic relationships) จะทำให้เราสามารถรับมือกับความยากลำบากความกดดันในชีวิตได้ดีอีกด้วยค่ะ เพราะ ความสัมพันธ์ที่ดีมีส่วนส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีไม่ว่าจะเป็นทางด้านสุขภาพจิต การรับมือกับอารมณ์ หรือทางด้านร่างกาย

ที่กล่าวมาข้างต้น คือเหตุผลว่าทำไมความรักถึงมีความพิเศษที่ทำให้หลายๆ คน พร้อมจับมือฟันฝ่าอุปสรรคและความยากลำบากไปด้วยกัน จนกลายเป็นคู่ชีวิตที่มีความสุข จึงกล่าวได้ว่าความรักเป็นสิ่งที่พิเศษและทรงพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครบางคนไปในทางที่ดีขึ้นได้

ความรักที่ต้องฝ่าฟัน

เราเชื่อว่าหลายๆ คู่รักต้องจับมือก้าวผ่านอุปสรรคมากมายในชีวิตกว่าที่จะได้มารักกัน ความรักที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคทางสังคม ครอบครัวและคนรอบข้าง ให้เกิดการยอมรับ และเข้าใจในความรัก คือ กลุ่มของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่วันนี้สังคมในประเทศไทยได้เปิดประตูแห่งหัวใจเข้าไปสู่การยอมรับมากขึ้น ด้วยการมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากว่าที่กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจะเดินทางก้าวข้ามผ่านสะพานสายรุ้งมาสู่การยอมรับมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย วันนี้ เราจึงขอยกตัวอย่างคู่รัก ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ อย่างคุณโจ๊กและคุณอาเธอร์ มาให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวความรัก และการจับมือกันก้าวข้ามผ่านอุปสรรคจนได้อยู่เป็นคู่ชีวิตกันในวันนี้ค่ะ 

เมื่อความรักชนะทุกสิ่ง 

ทุกคนเชื่อไหมว่าความรักสามารถเอาชนะอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกดดันของครอบครัว คนรอบข้าง หรือหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบในวันที่เราต้องเผชิญกับความยากลำบาก ในมุมมองของเรา “ย้อนกลับไปในช่วงโควิด -19 ระบาด อย่างหนัก โควิด-19 ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนเหมือนกัน”

ยกตัวอย่างคู่รัก อย่างคุณโจ๊กและคุณอาเธอร์ ช่วงโควิด-19 คุณโจ๊กถูกเลิกจ้างจากโรงแรมแห่งหนึ่ง ทำให้ต้องมาเป็น Rider ขับรถส่งอาหารแต่ก็ยังมีคุณอาเธอร์อยู่เคียงข้างเสมอ อีกทั้งยังช่วยกันเริ่มอาชีพใหม่อย่างการเป็น Content Creator และมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ทำให้ครอบครัวของคุณโจ๊กยอมรับในตัวคุณอาเธอร์ ว่าเขาสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้ support กันได้เป็นคู่ชีวิตกันได้ในช่วงที่ยากลำบาก และทำให้เห็นว่าความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครหรือเพศอะไรไม่สำคัญแต่สำคัญที่ว่าเราพร้อมที่จะอยู่ด้วยกันตอนยากลำบากและจับมือเคียงข้างกัน ผ่านพ้นทุกปัญหาไปได้ในที่สุด เรื่องราวความรักพวกเขาจะเป็นยังไงต่อไปสามารถไปติดตามได้ใน Soul Space Podcast EP.2 ‘ชีวิตไม่แน่นอน กับรักที่แน่นอน’ ทางช่อง YouTube Sansiri PLC นะคะ 

สิ่งที่กล่าวไปข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า การให้ความรักและทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน การยอมรับความหลากหลายในครอบครัวและสังคมเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ความรักของทุกคนยั่งยืน ถึงแม้บางครั้งต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจเพื่อทำให้ครอบครัวและสังคมยอมรับ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการให้ความรักและการสนับสนุนซึ่งกันและกันจะช่วยให้เราสามารถก้าวผ่านอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและทำให้รักของเรากลายเป็นรักที่มั่นคงและยั่งยืนได้ เพราะคุณโจ๊กและคุณอาเธอร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พลังของความรักทำให้เขาสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและกลายเป็นคู่ชีวิตที่มีความรักมั่นคงและยั่งยืนค่ะ

ความรักที่มั่นคงและยั่งยืนคือความรักที่ผ่านอุปสรรคและยังจับมือกันต่อสู้ เพื่อให้ครองรักกันจนกลายเป็นคู่ชีวิตกันในที่สุดค่ะ 


Source

https://www.sanook.com/campus/1414135/ 

https://www.psychiatryadvisor.com/home/topics/mood-disorders/the-positive-effects-of-love-on-mental-health/ https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/21073595/#:~:text=Findings%3A%20%20family%20acceptance%20predicts,and%20suicidal%20ideation%20and%20behaviors 

https://www.tiktok.com/@evevoraka

Related Articles

gentleness

เพราะความอ่อนโยนไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยปลอบประโลมหัวใจของมนุษย์

ความอ่อนโยน คือ สิ่งที่ช่วยโอบกอดและปลอบประโลมหัวใจ ให้กลับมามีจิตใจที่เข้มแข็งอีกครั้ง หากพูดถึง “ความอ่อนโยน” เราเชื่อว่าหลายๆ คนมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ในตัวเองและความอ่อนโยน คือ คุณสมบัติพิเศษที่แสดงถึงความเมตตา ความใจดีและความอ่อนไหวที่อยู่ในตัวของมนุษย์ หลายคนมักซ่อนความอ่อนโยนไว้ในก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของหัวใจ  เพราะคิดว่าการแสดงความอ่อนโยนจะทำให้เราเป็นคนที่อ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วความอ่อนโยน เป็นสิ่งที่ช่วยโอบกอดและปลอบประโลมหัวใจ ไม่ว่าจะเจอเรื่องเศร้า เรื่องทุกข์ใจขนาดไหน เมื่อเราได้สัมผัสความอ่อนโยนของใครบางคน ความทุกข์ความเศร้าในใจจะเบาบางลง และช่วยให้เรากลับมามีจิตใจที่เข้มแข็งอีกครั้งค่ะ

lose friend

เพื่อน” ที่จริงใจ คือ ของขวัญล้ำค่าที่ควรมีอยู่ในชีวิต

เมื่อเราเติบโตขึ้น “เพื่อน” อาจจะหล่นหายไปบ้าง แต่ “เพื่อน” ที่จริงใจและคอยเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เรา คือ ของขวัญล้ำค่าที่ควรมีอยู่ในชีวิต  เมื่อเราเติบโตขึ้นเพื่อนเราจะน้อยลง ทุกคนว่าจริงไหมคะ? ในชีวิตคนเราอาจจะต้องพบเจอคนมากมาย ในจุดเริ่มต้นของการมีเพื่อน คนในครอบครัวเป็นคนเลือกสังคมให้เรา เช่น การเลือกสังคมโรงเรียน หรือการพาเราไปเล่นกับลูกเพื่อน และหากใครมาเล่นกับเรา เราก็จะนับว่าเขาคือ “เพื่อน” ทำให้ตอนเด็กๆ

Presenteeism

ฟังเสียงร่างกายด้วยหัวใจ รู้จักกับภาวะ Presenteeism ฝืนทำงานทั้งที่ร่างกาย-จิตใจไม่ไหว

ใครเคยเป็นบ้างคะ ฝืนทำงานทั้งที่สภาพร่างกายหรือสภาพจิตใจไม่ไหว เพราะไม่อยากลาหยุด แต่การฝืนทำงานทั้งที่ยังป่วยอาจทำให้เราป่วยเพิ่มมากขึ้นและอาจจะทำให้เราทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยในประเทศไทยมีคนมากกว่า 50% ยังไปทำงานทั้งที่ยังคงเผชิญอาการป่วยทางร่างกายไม่เพียงเท่านั้นยังพบว่า ผู้คนประมาณ 27.5% ยังคนฝืนทำงานทั้งที่มีปัญหาสุขภาพใจ นอกจากนี้มีการสำรวจพบว่ายังมีบางคนฝืนทำงานมากกว่า 5 ครั้งทั้งที่ป่วยภายใน 1 ปี อีกด้วยค่ะ  ทำไมหลายคนถึงทำเช่นนั้นอาจเป็นเพราะ อาจจะมองว่าเป็นภาระหน้าที่ที่เราต้องทำ งานนั้นไม่มีใครทำแทนเราได้ มีงานด่วน